วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ไข้ไทฟอยด์ Typhoid fever

ไข้ไทฟอยด์คืออะไร

ไข้ไทฟอยดท์เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า Salmonella Typhi เชื้อนี้จะอยู่ในน้ำและอาหาร หากการสาธารณะสุขดีการระบาดของเชื้อนี้จะลดลง

คนรับเชื้อนี้ได้อย่างไร

คนจะรับเชื้อนี้จากการรับประทานอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อโรค คนที่เป็นโรคจะขับถ่ายเชื้ออกทางอุจาระ เชื้อนี้อาจจะปนเปื้อนในน้ำตามธรรมชาติ หรืออาจจะปนเปื้อนอาหาร ผู้ป่วยบางคนจะมีเชื้อในร่างกายที่เรียก carrier ซึ่งสามารถขับเชื้อออกสิ่งแวดล้อมได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่มีอาการเมื่อคนได้รับเชื้อ เชื้อจะเข้าสู่ลำไส้ ต่อมน้ำเหลือง ตับ ม้าม โดยทางกระแสเลือด

อาการของโรคนี้เป็นอย่างไร

หลังจากได้รับเชื้อนี้1-2 สัปดาห์ผู้ป่วยจะเริ่มเกิดอาการเบื่ออาหาร ปวดศีรษะ ปวดตามตัว มีไข้สูง 40.5 องศา มีอาการท้องร่วง บางรายอาจจะมีผื่นขึ้นตามตัว บางรายอาจจะมีอาการแน่นท้อง หากไม่รักษาผู้ป่วยบางรายหายเองได้ใน3-4 สัปดาห์

การวินิจฉัย

สามารถเพาะเชื้อจากเลือดในสัปดาห์แรก การวินิจฉัยอย่างอื่นไม่บ่งจำเพาะ

การรักษา

ก่อนที่จะมียาปฏิชีวนะอัตราการตายประมาณร้อยละ 10 แต่หลังจากมียาปฏิชีวนะอัตราการตายลดลงผู้ป่วยอาจจะตายจากปอดบวม ลำไส้ทะลุถ้าผู้ป่วยเพลียมากก็ให้น้ำเกลือ และยาปฏิชีวนะ

โรคแทรกซ้อน

-เลือดออกทางเดินอาหาร
-ลำไส้ทะลุ
-ไตวาย
-ช่องท้องอักเสบ


การป้องกัน

-หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเชื้อโรค
-ให้ดื่นน้ำต้มสุกทุกครั้ง
-น้ำขวดจะมีความปลอดภัยสูงกว่าน้ำดื่มทั่วไป
-เวลาดื่มน้ำไม่ต้องใส่น้ำแข็ง
-รับประทานอาหารที่ทำให้สุกใหม่ๆ
-ผักหรือผลไม่ต้องล้างให้สะอาดจริงๆเพราะปนเปื้อนเชื้อได้ง่าย
-ผลไม้ที่มีเปลือกให้ปลอกเปลือกออก
-ล้างมือก่นรับประทานอาหารทุกครั้ง
-หลีกเลี่ยงอาหารจากร้านค้าข้างถนน

ไข้ทัยฟอยด์ และไข้พาราทัยฟอยด์
(Typhoid fever and Paratyphoid fever)
ลักษณะโรค :


เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียทั่วร่างกายโดยมีอาการไข้ลอย ปวดศีรษะอ่อนเพลียเบื่ออาหารไอแห้งๆพบอาการท้องผูกในผู้ใหญ่มากกว่าท้องร่วงอาการแสดงได้แก่ หัวใจเต้นช้าม้ามโตมีผื่นดอกกุหลาบ (rose spots)นอกจากนี้ ยังมีผลต่อเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลืองพบการติดเชื้ออย่างอ่อนๆหรือการติดเชื้อแบบ atypical ได้บ่อย

ในผู้ป่วยไข้ทัยฟอยด์แผลในลำไส้เล็ก(ulcerationofPeyer’s patches) ทำให้เกิดเลือดออกในลำไส้ หรือลำไส้ทะลุได้(พบได้ประมาณ1 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ป่วย)โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะหลังของผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษามีอาการไข้ไม่มีเหงื่อ และประสาทเฉื่อยชา อาจจะสูญเสียความรู้สึกของการได้ยินบ้างเล็กน้อยและอาจมีการอักเสบของต่อมพาโรติด (parotid gland ) อัตราป่วยตายตามปกติ 10 เปอร์เซ็นต์อาจจะลดเหลือต่ำกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ถ้าได้รับการรักษาด้วยยาต้านจุลชีพทันท่วงที การกลับเป็นโรคใหม่พบประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาและในกลุ่มที่ได้รับยาต้านจุลชีพจะยิ่งพบได้สูงขึ้นถึง 15-20 เปอร์เซ็นต์ส่วนที่มีอาการเพียงเล็กน้อยหรือไม่ปรากฎอาการนั้น พบได้ในพื้นที่ที่เกิดโรคเป็นประจำ

ไข้พาราทัยฟอยด์มีอาการคล้ายคลึงกันเพียงแต่อาการไม่รุนแรงเท่าทัยฟอยด์ และมีอัตราป่วยตายต่ำกว่ามากการกลับเป็นโรคใหม่อาจพบได้ประมาณ 3-4 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ป่วยถ้าเมื่อใดไม่ใช่เป็นการติดเชื้อซัลโมเนลล่าทั่วร่างกาย อาการที่แสดงจะมีเพียงกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบเท่านั้น

เชื้อก่อโรค :เชื้อก่อโรค :

ไข้ทัยฟอยด์เกิดจากเชื้อ Salmonella typhiที่เป็นแบคทีเรียชนิดแท่งสามารถแยกออกได้เป็น 106 types โดยวิธี phage typingซึ่งมีประโยชน์ต่อการศึกษาระบาดวิทยาของโรค

ไข้พาราทัยฟอยด์เกิดจากเชื้อ3serotypesดังนี้(1) SalmonellaparatyphiA, (2) S. paratyphi B (S. schottm?lleri)และ(3) S. paratyphi C (S. hirschfeldii)และสามารถแยกเป็น phage types ต่าง ๆ ได้อีก

แหล่งรังโรค :

คนเป็นแหล่งโรคของไข้ทัยฟอยด์และไข้พาราทัยฟอยด์ พบน้อยมากที่สัตว์เลี้ยงเป็นแหล่งโรคของพาราทัยฟอยด์ผู้สัมผัสโรคในครอบครัวอาจเป็นพาหะชั่วคราวได้ส่วนใหญ่ของโลก พบว่ามีพาหะที่ปล่อยเชื้อทางอุจจาระได้มากกว่าพาหะที่ปล่อยเชื้อทางปัสสาวะการเป็นพาหะอาจเป็นได้ หลังจากมีอาการป่วยแบบเฉียบพลัน หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือไม่มีอาการเลยก็ได้ ระยะที่คงสภาพของพาหะอยู่ได้นาน (Chroniccarrier)พบได้บ่อย ๆ ในผู้ป่วยวัยกลางคน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงคนที่เป็นพาหะ มักเป็นผู้มีพยาธิสภาพของถุงน้ำดีในรายที่เป็นพาหะที่ปล่อยเชื้อทางปัสสาวะได้นานพบในการติดเชื้อ Schistosomahaematobium ในคราวที่เกิดการระบาดของไข้พาราทัยฟอยด์ในอังกฤษพบเชื้อ S. paratyphi B ออกมากับน้ำนม และอุจจาระของวัว

วิธีการแพร่เชื้อ :

จากอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระและปัสสาวะของผู้ป่วยและคนที่เป็นพาหะในบางพื้นที่ของโลกนี้ พบพาหะที่สำคัญ ได้แก่หอยปูกุ้งที่จับได้จากบริเวณแหล่งน้ำที่มีการปนเปื้อนน้ำเสียจากท่อระบายผลไม้สดหรือผักสดที่ใช้ปุ๋ยอุจจาระรด หรือนม และผลิตภัณฑ์นมที่มีการปนเปื้อน (โดยทั่วไปจะปนเปื้อนเชื้อโรคมาจากมือของคนที่เป็นพาหะ) ตลอดจนผู้ป่วยที่ไม่ถูกค้นพบแมลงวันอาจทำให้อาหารอาหารปนเปื้อนเชื้อโรคแล้วเพิ่มจำนวนมากขึ้นจน ถึงขนาดที่ทำให้เกิดโรคได้

ระยะฟักตัว :

ขึ้นอยู่กับจำนวนของเชื้อที่ได้รับ ตามปกติมีช่วงอยู่ระหว่าง 1-3 สัปดาห ์แต่สำหรับไข้พาราทัยฟอยด์ที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ใช้เวลา 1-10 วัน

ระยะติดต่อของโรค :

พบเชื้อได้ตลอดเวลาที่มีเชื้อออกมากับสิ่งขับถ่ายตามปกติตั้งแต่สัปดาห์แรกจนถึงฟื้นไข้ หลังจากนั้นก็แตกต่างกันไป (ตามปกติ 1-2 สัปดาห์สำหรับไข้พาราทัยฟอยด์)ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ของคนไข้ทัยฟอยด์ที่ไม่ได้รับการรักษาจะปล่อยเชื้อแบคทีเรียเป็นเวลา 3 เดือน หลังจากที่มีอาการ และ 2-5 เปอร์เซ็นต์ ที่กลายเป็นพาหะถาวรในบางคนที่ได้รับเชื้อพาราทัยฟอยด์อาจกลับกลายเป็นพาหะที่ถุงน้ำดีได้ตลอดไป

แหล่งข้อมูล

http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/infectious/typhoid_fever.htm

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

การติดเชื้อในกระแสเลือด

http://ramaclinic.ra.mahidol.ac.th/news/news0044/news0044.html


ติดเชื้อในกระแสเลือดแรงถึงตาย

การติดเชื้อในกระแสเลือด หรือภาษาชาวบ้านคือเลือดเป็นพิษ หมายถึงหมายถึงภาวะที่ร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือ เชื้อรา ซึ่งหากแพทย์บอกว่าติดเชื้อในกระแสเลือดก็มีโอกาสที่จะความดันเลือดต่ำเนื่องมาจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายหรือสารพิษจากเชื้อโรคนั่นเอง

สำหรับสาเหตุของการติดเชื้อในกระแสเลือด มีเชื้อโรคอยู่หลายชนิดด้วยกันที่ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ แต่สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และการติดเชื้อในทุกอวัยวะก็สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อในปอด(ปอดอักเสบ) การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ(กรวยไตอักเสบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ) การติดเชื้อที่ผิวหนัง(ผิวหนังอักเสบจากแบคทีเรีย) การติดเชื้อในทางเดินอาหาร(ถ่ายเหลวจากการติดเชื้อ) การติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง(เยื่อหุ้มสมองอักเสบ)

ใครบ้างที่มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด?

- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่นผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์ ก็มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อในกระแสเลือดได้ง่ายกว่าคนกลุ่มอื่น
- เด็กแรกเกิด เพราะว่าระบบภูมิคุ้มกันยังไม่เจริญพัฒนาได้ดีพอ เด็กแรกเกิดจะมีโอกาสติดเชื้อในกระแสเลือดได้ง่าย ซึ่งอาการหลักก็คือมีไข้ และเด็กแรกเกิดจำเป็นต้องได้รับยาปฎิชีวนะ
- ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวาน โรคเรื้อรัง ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือด
- ผู้ที่ทำการเปลี่ยนอวัยวะที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันเพื่อลดโอกาสที่จะร่างกายจะต่อต้านอวัยวะที่เปลี่ยนใหม่ ก็จะติดเชื้อในกระแสเลือดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
- ผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด

ถ้าผู้ป่วยมีอาการของการติดเชื้อในกระแสเลือด โดยทั่วไปจะมีไข้เป็นหลัก หนาวสั่น หัวใจบีบตัวเร็ว หรือหายใจเร็ว สับสน ปัสสาวะออกน้อย ซึ่งบางคนอาจมีผื่นขึ้นตามตัว หรือปวดตามข้อมือ ข้อศอก หลัง สะโพก หัวเข่า และข้อเท้า ดังนั้นจึงต้องรีบนำผู้ป่วยไปพบแพทย์ทันที

อย่างไรก็ตาม ภาวะการติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นเรื่องที่รักษาได้ค่อนข้างยาก เพราะเริ่มต้นมาจากการติดเชื้อที่อวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง หลังจากนั้นเชื้อก็จะแพร่พันธฺ์กระจายไปตามกระแสเลือด ดังนั้นการรักษาก็คือให้ยาที่จำเพาะตรงกันกับเชื้อ ซึ่งในทางปฎิบัตินั้นทำได้ค่อนข้างลำบากเพราะบ่อยครั้งที่ตรวจเพาะเชื้อไม่พบ หรือหาอวัยวะเริ่มต้นที่มีการติดเชื้อไม่พบ ทำให้ไม่ทราบว่าน่าจะติดเชื้อโรคชนิดใด แพทย์จึงต้องใช้ยาที่สามารถฆ่าเชื้อได้หลากหลายชนิดแบบที่เรียกว่าครอบคลุมกันหมด เพราะหากเกิดการติดเชื้อจนทั่วร่างกายแล้ว ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆจะทำงานผิดปกติและค่อยๆหยุดทำงานลงจนเสียชีวิตได้ในที่สุด


แหล่งข่าว : หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
โพสต์เมื่อ : 2008-09-17

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

การขอขมาเจ้าที่เจ้าทางให้ พ่อบุญศรี ปินยา




ตามดวงชะตาราศรี คุณพ่อบุญศรี ปินยา ในลักษณะ อายุขัยของท่านยังยืนยาวต่อไปอีกได้ ขณะนี้เกิดจากการที่ท่านไปเผาโคน ของต้นโพธิ์ มีเจ้าที่เจ้าทาง หากท่านอยู่ ณ สถานที่ตรงนี้ ขอให้ท่านเปิดทาง ในสายกลางภาคธรรมมะ ที่เป็นการชี้แนะช่องทาง อย่าถือสามนุษมนา ที่เขาไม่รู้ บางสิ่งบางอย่าง เมื่อรู้แล้ว ย่อมจะประกอบกรรมให้ท่าน

การที่จะขอโทษ และขอขมาเจ้าที่แห่งนี้เป็นท่านพ่อขุนเก่า ในโบราณสถานที่อยู่มานานพอสมควร ดอกไม้ 1 คู่ เทียน 1 คู่ บุหรี่ 1 มวน หมาก 1 คำ ข้าวเหนียว 1 คำ ดอกไม้ หมากพลูบุหรี่ วางที่มือคุณพ่อ ข้างขวา กำข้าวเหนียวลูบจากต้นแขนลงปลายมือ แล้วพูดว่า "เจ้ากรรมนายเวร เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าภูมิ เจ้าที่ ขอขมาลาโทษ หากลูกหลานผิดด้วยกายวาจาใจ ขอจงอโหสิ ดีวันนี้ไม่ถือ วันหน้าไม่นับ ให้ดีแล้วดีเลย ปราศจากโรคภัย สิ่งมาพาลร้าย หากสิ่งที่ทำไป ผิดด้วยกายวาจาใจ รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี จงอโหสิให้ วันนี้ให้ท่านไปรอรับอยู่เขตอภัยทาน จะกินทานส่งให้ ในจำนวนนี้จะเป็น สังฆทาน 3 ชุด มีต้นผ้าป่า 1 ต้น มอบเวรประเคนให้ท่าน ไปสู่ในสุขคติสุข สำเร็จผล อย่าได้ถือโทษโกรธเคือง และเป็นสิ่งที่ ให้ต้องเป็นการลืมหลง คำพูดคำจา จากวันนี้เป็นต้นไป ให้อาการ คุณพ่อบุญศรี ปินยา หายเป็นปาฏิหาร และดีงาม


หลังจากนั้นให้จุดธูป 16 ดอก หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ห่างกัน 1 ศอก ตามด้วยธูป 15 ดอก คำพูด "16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน พระพรหม พระอินทร์ เจ้าที่เจ้าฐาน เจ้าภูมิ เจ้าที่ พื้นดินอาศัย เจ้าแม่ธรณี จงเปิดทางให้ ขอขมาลาโทษ ขอให้ท่านอโหสิ จุดธูตาม 5 ดอก เจ้าที่เจ้าทาง เป็นพระภูมิเจ้าที่ ณ วันนี้ ให้คุณพ่อบุญศรี ปินยา จงมีอาการปกติ ขอไถ่ถอน ในการกระทำที่ผิด"

"เสร็จพิธีการนี้ จะทำสังฆทาน 3 ชุด และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลส่งไปให้ท่าน แต่มีการต่อรองกันว่า จะให้บ้านที่อยู่อาศัย เป็นบ้านเรือนไทย จะให้ได้หรือไม่ หนึ่งมีลักษณะเป็นบ้านเรือนไทย อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีลักษณะแนวกว้าง และเป็นที่เนิน เพราะเป็นสถานที่เดินของท่านเมื่อก่อน ท่านเฝ้ารักษามานาน ส่วนบริวารสรรพสัตว์สัมเวสี จะไปทำบุญส่งอานิสงค์ให้ อยู่วัด...หลังจากนั้นเป็นการมอบเวรประเคนให้ ให้คุณพ่อบุญศรี ปินยา หายเป็นปกติ แล้วจึงจะดำเนินการสร้างให้ ถ้าเป็นแท้แน่นอนเป็นจริง อย่าได้หลอกล่อ อย่าได้เป็นการเสแสร้งแกล้งกัน น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า


หลังจากนั้นให้เสริมดวงชะตาราศรีให้ดีขึ้น ธูปเทียนดอกดาวเรืองเกินอายุ แล้วบวกอีกหนึ่ง หลังจากนั้ให้พระอาจารย์สวดให้คุณพ่อ ถวายพระปรางสมาธิ หน้าตัก 9 นิ้ว 1 รูป มีกระเช้าผลไม้ 1 ชุด มีน้ำ 1 แพค และมีอาหารถวายพระภิกษุสงค์ ปินโต 1 เถา หลังจากนั้นให้เป็นการ สวด และเรียกขวัญคุณพ่อกลับมา ผูกข้อมือ รับขวัญ แล้วทุกอย่างจะเริ่มดี ให้ลูกๆ สวดอิติปิโส ครบอายุพ่อ บวกอีกจบหนึ่ง"


หลังจากนั้นสังเกตุอาการ หากดีขึ้น ที่เขามอบเวรประเคนคืนให้ จิตสังขาร ไม่ลืมไม่หลง ก็แสดงว่าเจ้าที่ยอมรับ นั้นถึงจะเป็นการสร้างศาลให้ตามหลัง โดยที่เอาคนเป็นประกัน หากคนของเราหาย ต่างน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ไม่เป็นการทำลายซึ่งกันและกัน ในเมื่อคุณพ่อเป็นปกติ แล้วเป็นการยกฐานแล้วสร้าง ให้ผู้ประกอบพิธีในการสร้าง ต้องมีจรรยาบรรณภาคธรรมมะ ในการก่อสร้าง หันหน้าให้ถูกต้อง กะเกณฑ์อัญเชิญรับผลไม้ 9 อย่าง นั้นจะเป็นการกระทำให้ทีหลัง แต่ให้คุณพ่อหายดีก่อน


ในภาพรวมคุณพ่อยังมีเกี่ยวกับสัตว์สาวาสิ่ง ที่ผ่านมาเคยเหมือนมีเวรต่อกัน เหมือนหนึ่งเคยทำร้ายกัน จนขาลากไป ในจำนวนนี้จะมอบเวรเคนให้ โดยการทำบุญอุทมิศส่วนกุศลไปให้ เพื่อทุกสิ่งทุกอย่างจะได้ดีขึ้น



ดูลักษณะแล้วเจ้าที่เจ้าทาง จะให้อภัยคุณพ่ออยู่ มีพระรูปหนึ่งซึ่งมาณะภาพไปแล้ว คอยดูแลปกปักรักษาท่านอยู่


ข้อมูลทั่วไป เมื่อก่อนเป็นสถานที่ทางเดินสงคราม มีทั้งที่เนินและที่ลุ่ม เป็นลักษณะธารน้ำไหล เป็นสถานที่พักพาอาศัยและเป็นทางเดิน ทางผ่านผี ควรแก้เคล็ดตรงนี้ก่อน (พิธีถอน) แล้วถึงทำพิธีดังกล่าวข้างต้น


สรุปพิธี


1.พิธีถอน(พระทำพิธี)


2.ควักเกา (พิธีเอาสิ่งไม่ดีออก) ดอกไม้ 1 คู่ เทียน 1 คู่ บุหรี่ 1 มวน หมาก 1 คำ ข้าวเหนียว 1 คำ "บิดามารดา ปู่ย่าตายาย เจ่้ากรรมนายเวร สัพสะสัตว์ทั้งหลาย เจ้าที่เจ้าทาง ทางใครทางมัน ขอให้ดีแต่วินาทีนี้ จะทำทานส่งให้ ดีวันนี้ ไม่ถือดี วันหน้าไม่นับ จะส่งบุญให้" ทำเสร็จแล้ว ตอนเย็น หุงข้าวให้กิน เรียกหมดทุกคนที่ตายไปแล้ว ทำบังสุกุล ส่งให้พ่อแม่


3.ส่งบุญให้เจ้าที่ เจ้าทางมารับ ทำสังฆทาน 3 ชุด ผ้าขาว 3 เมตร ข้าวสารเจ้า 3 กิโล พริกแห้ง 3 ถุง หอม 3 จุก กระเทียม 3 จุก น้ำ 3 ขวด เกลือ 3 ถุง อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร สัพพะสัตว์ทั้งหลาย ปู่ย่าตายาย จุดธูป 1 ดอก มารับเอา ให้เขาได้รับ จุดธูป 9 ดอก จุดธู 16 ดอก ให้หันหน้าไปทางทิศเหนือ

4.เสริมดวง พระสวดให้ เสริมจิตใจให้ดีขึ้น มีดอกดาวเรืองเท่าอายุ + 1 ธูปเท่าอายุ + 1 เทียนเท่าอายุ + 1 กรเช้าผลไม้ สังฆทาน ถวายอาหารเพล ปล่อยปลาไหล 9 ตัว หอยขม 2 กิโล เสร็จพิธี นำน้ำไปกรวด กลางแจ้งจุดธูป 16 ดอก หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ห่างกัน 1 ศอก จุดธูป 15 ดอก แล้วอธิฐานขอสิ่งดีๆ

5.เลี้ยงแม่ธรณี (เลี้ยงพื้นดิน บูชาดิน ทำวันพุธตอนเช้า) เลี้ยงพระแม่ธรณี 4 พา บุหรี่ 4 มวน หมา 4 คำ ข้าว 4 คำ น้ำ 4 แก้ว ดอกไม้ 1 คู่ เทียน 1 คู่ จุดธูป 9 ดอก บูชาแม่ธรณี

ขอขมาลาโทษจอมปลวก(ทำวันอังคาร) ตั้ง นโม 3 จบ มี 5 กระทง ไข่ต้ม 1 ฟอง (ตัด 5 ชิ้น) น้ำ 1 แก้ว ดอกไม้ 1 คู่ เทียน 1 คู่ ข้าว จุดธูป 16 ดอก จุดเทียน 1 คู่

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

เหตุเพราะรังสี รักษา

ไม่นึกเลยว่า ความรุนแรงของรังสีที่ใช้รัษาโรคมะเร็ง ส่งผลถึงชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
แม่ยายผม อายุ 69 ปี เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ระยะเริ่มแรก จึงผ่าตัดเอาเนื้อมะเร็งออก พักฟื้นโรงพยายบาลไม่กี่วันก็ออกมาบ้านได้ ขั้นตอนต่อไป ให้เคมีบำบัดจนครบ อาการดีขึ้น ขั้นตอนรักษาต่อไป ฉายแสง 30 แสง โดยไม่ทราบว่าการฉายแสงมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรุนแรง หมอก็ไม่ทราบเพราะแพ้เป็นบางคน อาการคือ ลำไส้เป็นผังผืดติดกันทำให้ขับถ่ายไม่ได้ ปวดท้องรุนแรง ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ารังสีชนิดนี้คืออะไร น่าเป็นรังสีแกมม่า(gamma ray) ซึ่งจะมีผลต่อร่างกาย 3 ระบบ คือ 1.ผลต่อการสร้างเม็ดเลือด 2.ผลต่อทางเดินอาหาร 3.ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ดังนั้น แม่ยายผมจึงต้องผ่าตัดเลาะผังผืดออก แต่ลำไส้ไม่สามารถติดกันได้เนื่องจากรังสีได้ทำลายเซลเนื้อเยื่อที่ดี ไปหมดแล้ว ต้องตัดลำไส้เพื่อต่อใหม่ถึง 3 ครั้ง จนลำไส้เหลือแค่คืบเดียว หมอพยายามช่วยเต็มที่ นอนอยู่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น เกือบ 4 เดือน จึงเสียชีวิต
เรื่องนี้เป็นอุทาหร การตัดสินใจในการรักษาหมอใช่ว่าจะตัดสินใจถูกไปหมดทุกเรื่อง ถ้าหมอรู้ว่ายายแพ้รังสีรุนแรง คงไม่ให้ฉายแสง คนแก่อายุมาก 70 - 80 ปี ลูกหลานควรควรพิจารณา บางคนให้เคมีครั้งเดียว เสียชีวิต บางคนแพ้รังสีเสียชีวิต บางคนเลือกผ่าตัดอย่างเดียว ไม่ให้เคมี และฉายรังสี รักษาแบบชีวจิต ควบคุมอาหาร ก็อยู่ได้อีกเป็นสิบๆ ปี
ผมไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก จึงได้เขียนบอกไว้ แต่ถ้าคิดว่าจะฉายแสงเพื่อฆ่ามะเร็งละก็ มีโรงพยาบาลศิริราช ที่หนึ่ง จะปลอดภัยกว่า เพราะเครื่องมือทันสมัย สามารถฉายรังสีฉายไปยังจุดเดียว จุดเฉพาะที่เป็นมะเร็ง ไม่เหมือนโรงพยาบาลต่างจังหวัด ซึ่งรังสีกระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้มากกว่า
http://thastro.org/pages/1068/

บทนำ

ตั้งใจไว้ว่า ในบล็อกนี้ จะเขียนหลายๆ เรื่อง ไม่มีจุดยืนแน่นอน ทั้งเรื่องการทำงาน การท่องเที่ยว เรื่องดนตรี ความคิเเห็นอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยน แนวคิด ความรู้ กันในโลก Online เพราะได้ความรู้จากคนอื่นมาเยอะมาก บางสิ่งบางอย่าง ประสบการณ์คนเราต่างกันไป หวังว่าบางสิ่งบางอย่าง ในบล็อกนี้จะเกิดประโยชน์ต่อผู้มาเยี่ยมชมบ้าง
นายส่งศัย์ ปินยา